Consumer

คำอธิบายไม่พออีกต่อไป ถึงเวลาชี้แจงลูกค้าด้วยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
เมื่อแบรนด์ของคุณเติบโตขึ้น ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญกับเสียงจากผู้บริโภค ทั้งเสียงชื่นชม คำถาม หรือแม้แต่คำตำหนิ หลายครั้งที่ลูกค้าอาจสงสัยว่า“ใช้แล้วแสบหน้า แพ้หรือเปล่า?”“ทำไมสีครีมเปลี่ยน?”“มีสารต้องห้ามอยู่ในนั้นหรือเปล่า?” หากคุณตอบกลับไปแค่คำว่า “ปลอดภัยค่ะ” หรือ “ทางโรงงานบอกว่าไม่มีปัญหา” ลูกค้าส่วนหนึ่งอาจไม่รู้สึกเชื่อมั่น เพราะในวันที่โลกเต็มไปด้วยข่าวปลอมและผลิตภัณฑ์ลอกเลียนแบบ ความเชื่อใจต้องสร้างด้วย “หลักฐาน” ไม่ใช่แค่คำพูด ทำไมคำอธิบายจากแบรนด์จึงไม่เพียงพออีกต่อไป? 1. ผู้บริโภคยุคใหม่เสิร์ชก่อนเชื่อก่อนซื้อ ลูกค้าหลายคนจะค้นหาคำว่า “ชื่อแบรนด์ + ปลอดภัยไหม” หรือ “มีสารต้องห้ามไหม” หากเจอรีวิวเชิงลบ หรือไม่มีข้อมูลยืนยัน ลูกค้าอาจเลือกแบรนด์อื่นทันที 2. โลกออนไลน์แพร่เร็ว แต่แก้ไขยากรีวิวจากลูกค้าคนหนึ่งที่รู้สึกระคายเคือง อาจกลายเป็นไวรัล หากไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ยืนยันกลับ แบรนด์จะเสียเปรียบทันที 3. หน่วยงานรัฐและคู่ค้า ต้องการเอกสาร ไม่ใช่แค่คำพูดหากมีการร้องเรียน หรือแบรนด์ต้องขยายตลาดไปต่างประเทศ การอ้างว่า “โรงงานบอกว่าไม่มีสารอันตราย” ไม่เพียงพออีกต่อไป แต่อยู่ที่ว่าคุณมี ผลตรวจจากแล็บกลางหรือไม่ ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่เจ้าของแบรนด์ควรมี 1. ผลตรวจสารต้องห้ามเช่น ปรอท ไฮโดรควิโนน สเตียรอยด์ หรือสารลดแรงตึงผิวที่อาจก่อให้เกิดการแพ้ 2. ค่า pH ของผลิตภัณฑ์เพื่อยืนยันว่าอยู่ในช่วงที่ปลอดภัยต่อผิว […]

ใช้สกินแคร์เกินปริมาณที่แนะนำ อาจไม่เห็นผลเร็วขึ้น แต่เสี่ยงหนักกว่าเดิม
ในยุคที่ใคร ๆ ก็อยากเห็นผลลัพธ์เร็ว การใช้สกินแคร์ในปริมาณ “มากเกินไป” กลายเป็นพฤติกรรมที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะกับผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลลัพธ์เฉพาะด้าน เช่น ลดจุดด่างดำ ผิวกระจ่างใส หรือผลัดเซลล์ผิว แต่รู้หรือไม่ว่า การใช้ผลิตภัณฑ์เกินปริมาณที่แบรนด์แนะนำ อาจไม่เพียง ไม่ให้ผลลัพธ์เร็วขึ้น แต่ยังเสี่ยงต่อการ เกิดอาการระคายเคือง แพ้ หรือแม้แต่ร้องเรียนกลับมาที่แบรนด์ ทำไมการ “ใช้เยอะ” ถึงกลายเป็นปัญหา? แม้ผู้บริโภคหลายคนจะเชื่อว่าการใช้ผลิตภัณฑ์มากกว่าเดิมจะเห็นผลไวกว่าเดิม แต่ในทางวิทยาศาสตร์ผิวหนัง ความเชื่อดังกล่าวอาจเป็นอันตรายมากกว่าที่คิด 1. เข้มข้นเกินไป ผิวรับไม่ไหวส่วนผสมบางชนิด เช่น AHA, BHA, Vitamin C, Retinol หรือ Niacinamide หากใช้ในปริมาณเกินแนะนำ อาจทำให้ผิวเกิดการอักเสบ แสบ คัน หรือเกิดรอยแดงได้ แม้ว่าในสูตรจะผ่านการออกแบบมาอย่างปลอดภัย 2. เสี่ยงต่อการสะสมสารในผิวโดยเฉพาะสารกันเสีย น้ำหอม หรือสารลดแรงตึงผิว หากสะสมมากเกิน อาจกระตุ้นให้เกิดการแพ้ หรือเกิดผื่นในระยะยาว 3. ผลิตภัณฑ์ไม่ดูดซึมหมดผิวหนังมีขีดจำกัดในการดูดซึมสาร หากใช้มากเกินไป ส่วนที่เกินจะค้างอยู่บนผิว สะสม และกลายเป็นจุดอุดตันหรือปัญหาผิวอื่น […]

เคยทำเลเซอร์หรือผลัดผิวก่อนใช้สกินแคร์ จุดเสี่ยงที่แบรนด์ควรระวัง ก่อนปัญหาเกิด
ในยุคที่ความงามก้าวไกล การทำเลเซอร์ ผลัดเซลล์ผิว หรือทรีตเมนต์เร่งผลลัพธ์ กลายเป็นกิจวัตรของผู้บริโภคจำนวนมาก แต่สำหรับเจ้าของแบรนด์สกินแคร์ นี่อาจกลายเป็นกับดักที่ก่อให้เกิด “เสียงร้องเรียน” โดยไม่รู้ตัว บทความนี้จะพาคุณเข้าใจลึกว่า ทำไมสภาพผิวหลังทำเลเซอร์หรือผลัดผิว ถึงเป็นจุดเสี่ยงของการแพ้หรือระคายเคือง และคุณสามารถรับมือกับความเข้าใจผิดเหล่านี้ได้อย่างไรอย่างมืออาชีพ ผิวหลังเลเซอร์: ทำไมไวต่อการระคายเคืองมากกว่าปกติ? หลังการทำเลเซอร์หรือผลัดผิว (เช่น AHA, BHA, Microdermabrasion) ผิวชั้นนอกจะบางลง ปราศจากเกราะปกป้องตามธรรมชาติ ส่งผลให้: แม้สูตรของแบรนด์คุณจะ “อ่อนโยน” ขนาดไหน ถ้าผิวของผู้ใช้ยังไม่ฟื้นตัวดีพอ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอาจถูกเข้าใจผิดว่า “แพ้ครีม” ตัวอย่างสถานการณ์ที่เจ้าของแบรนด์ต้องเจอ ลูกค้าเพิ่งทำเลเซอร์แบบ Fractional มา แล้วใช้ครีมของแบรนด์คุณที่มีวิตามินซีเข้มข้นวันรุ่งขึ้นเกิดอาการแสบ คัน ผิวแดงลอกลูกค้าร้องเรียน “ครีมของคุณแรงเกินไป”คุณไม่มีหลักฐานอะไรยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับสูตรผลิต แบบนี้ แบรนด์จะตกเป็นจำเลยในสายตาผู้บริโภคทันที ส่วนผสมในสกินแคร์ที่ควรระวังหลังเลเซอร์หรือผลัดผิว แม้ผลิตภัณฑ์จะไม่มีสารต้องห้าม แต่หากใช้ในช่วงเวลาที่ “ไม่เหมาะสม” ผลลัพธ์ก็อาจกลายเป็นปัญหา ทางออกที่เจ้าของแบรนด์ควรเตรียมไว้ 1. ทำการทดสอบ Irritation และ Safety กับผิวแพ้ง่ายส่งผลิตภัณฑ์ตรวจสอบกับแล็บกลาง เพื่อวิเคราะห์ความปลอดภัยในระดับลึก 2. สร้างคู่มือการใช้อย่างละเอียดแจ้งผู้บริโภคบนฉลากหรือเว็บไซต์ว่า ไม่ควรใช้หลังทำเลเซอร์ทันที […]

ใช้ผลิตภัณฑ์ร่วมกับยา ความเสี่ยงที่แบรนด์ควรรู้ และวิธีป้องกันอย่างมืออาชีพ
ในยุคที่ผู้บริโภคดูแลสุขภาพแบบองค์รวม หลายคนใช้ทั้งยาแผนปัจจุบัน วิตามิน อาหารเสริม ควบคู่ไปกับสกินแคร์ ซึ่งดูเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ แต่สำหรับเจ้าของแบรนด์แล้ว การ ใช้ผลิตภัณฑ์ร่วมกับยา คือจุดเสี่ยงที่หากมองข้าม อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ด้านความปลอดภัยและภาพลักษณ์ของแบรนด์ บทความนี้จะพาไปเจาะลึกว่า การใช้ผลิตภัณฑ์ร่วมกับยามีผลอย่างไร สารอะไรที่ควรระวัง และเจ้าของแบรนด์สามารถป้องกันความเสี่ยงนี้ได้อย่างไรอย่างมืออาชีพ ทำไมต้องใส่ใจเรื่องการใช้ร่วมกับยา? เมื่อผู้บริโภคใช้ผลิตภัณฑ์ของคุณในขณะที่รับประทานยา หรือทายาเฉพาะที่ เช่น ยารักษาสิว ยากลุ่มสเตียรอยด์ หรือยาควบคุมฮอร์โมน ร่างกายอาจเกิด ปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์ (Adverse Reaction) ซึ่งนำไปสู่: สิ่งเหล่านี้แม้ไม่ใช่ความผิดของแบรนด์โดยตรง แต่หากไม่มีหลักฐานยืนยันความปลอดภัย ก็อาจถูกเหมารวมว่าเป็นสาเหตุของปัญหา สารในสกินแคร์ที่อาจเกิดปฏิกิริยากับยา เจ้าของแบรนด์ควรป้องกันอย่างไร? กรณีตัวอย่าง: ลูกค้าใช้ครีมของแบรนด์คุณ ขณะกินยาควบคุมฮอร์โมน ลูกค้าบางคนอาจไม่แจ้งว่าอยู่ระหว่างรับประทานยา เมื่อลูบครีมแล้วเกิดสิวขึ้น อาจเข้าใจผิดว่า “แพ้ครีม” โดยไม่รู้ว่าสารในผลิตภัณฑ์เกิดปฏิกิริยากับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนจากยา หากไม่มีการ ส่งตรวจและเก็บผลวิเคราะห์จากแล็บกลาง คุณจะไม่มีทางพิสูจน์ได้ว่าแบรนด์ของคุณไม่ได้มีส่วนผสมผิดกฎหมาย หรือไม่มีสิ่งปนเปื้อนแต่อย่างใด เพิ่มความมั่นใจให้แบรนด์ ด้วยหลักฐานที่ตรวจสอบได้จริง การตลาดยุคใหม่ต้องมากกว่าแค่ “บอกว่าอ่อนโยน” แต่ต้องมีหลักฐานที่ตรวจสอบได้ ยิ่งหากแบรนด์ของคุณจะไปต่อกับกลุ่มลูกค้าแพ้ง่าย หรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ การมีใบรับรองจากแล็บอิสระ คือจุดที่เสริมความน่าเชื่อถืออย่างแท้จริง อย่าปล่อยให้ความเข้าใจผิดทำลายแบรนด์ หากคุณคือเจ้าของแบรนด์ที่มุ่งมั่นจะสร้างความเชื่อมั่นอย่างยั่งยืน […]

ลูกค้าร้องเรียนว่าแสบผิว ใช่สารอันตรายหรือไม่ วิธีรับมือและพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของแบรนด์
การร้องเรียนจากลูกค้าว่า “รู้สึกแสบผิวหลังใช้ผลิตภัณฑ์” ไม่ใช่เรื่องเล็กสำหรับเจ้าของแบรนด์สกินแคร์ เพราะไม่เพียงกระทบต่อความเชื่อมั่น แต่ยังอาจลุกลามกลายเป็นการตั้งข้อสงสัยว่าในผลิตภัณฑ์มีสารอันตรายหรือไม่ หากไม่มีหลักฐานรองรับ เจ้าของแบรนด์อาจตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียหายทั้งด้านชื่อเสียง การตลาด และความน่าเชื่อถือ ในบทความนี้ เราจะพาไปดูเบื้องลึกของปัญหานี้ พร้อมแนวทางรับมือที่โปร่งใส น่าเชื่อถือ และช่วยปกป้องแบรนด์ในระยะยาว เสียงร้องเรียนจากลูกค้า: แสบผิวคือสัญญาณอะไร? การแสบผิวหลังใช้ผลิตภัณฑ์อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การฟังเสียงลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ แต่อย่าด่วนสรุปว่าเป็นความผิดของแบรนด์ จนกว่าจะมี ผลการตรวจสอบจากห้องแล็บที่เชื่อถือได้ มายืนยัน สารอันตรายในสกินแคร์มีอะไรบ้าง? สารต้องห้ามที่พบในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางมีหลายชนิด เช่น แม้บางกรณีแบรนด์ไม่ได้ตั้งใจใส่สารต้องห้าม แต่หากโรงงานปรับสูตรโดยไม่แจ้ง ใช้วัตถุดิบที่ไม่บริสุทธิ์ หรือควบคุมกระบวนการผลิตไม่ดี ก็อาจเกิดการปนเปื้อนโดยไม่รู้ตัว ไม่มีผลประโยชน์ร่วม = โปร่งใสที่สุด การตรวจสอบผลิตภัณฑ์ ควรทำผ่านแล็บกลาง (Third-Party Lab) ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรงงานผลิต เพื่อความน่าเชื่อถือและยืนยันได้ในทางกฎหมาย แล็บกลางจะช่วยวิเคราะห์สูตรผลิต วัตถุดิบ และตรวจหาสารปนเปื้อนโดยอิสระ ทำให้ผลตรวจเป็นกลางและสามารถใช้ตอบกลับลูกค้า หรือแม้แต่ใช้เป็นหลักฐานในกรณีถูกฟ้องร้องได้ รับมืออย่างมืออาชีพ เมื่อลูกค้าแจ้งว่าแสบผิว ผลตรวจจากแล็บกลาง ใช้ประโยชน์ได้มากกว่าที่คิด นอกจากช่วยเคลียร์ข้อสงสัย ผลตรวจจากแล็บกลางยังสามารถ เจ้าของแบรนด์ควรเริ่มต้นอย่างไร? หากคุณเคยโดนร้องเรียน หรือเริ่มกังวลว่าแบรนด์ของคุณอาจมีความเสี่ยง อย่ารอให้ปัญหาลุกลาม […]

ผู้บริโภคร้องเรียนที่ไม่เป็นธรรม ความเสียหายที่แบรนด์ไม่ควรมองข้าม
“ความเชื่อมั่นในแบรนด์…อาจพังทลายลงได้ในพริบตา หากไม่มีหลักฐานยืนยันความจริง” ในยุคที่ผู้บริโภคมีอำนาจในการรีวิว แสดงความคิดเห็น หรือร้องเรียนได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส เจ้าของแบรนด์สกินแคร์จำนวนไม่น้อยเคยเผชิญกับ “การร้องเรียนที่ไม่เป็นธรรม” ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวอ้างว่าแพ้ผลิตภัณฑ์ ทั้งที่ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน หรือแม้แต่การร้องเรียนในเชิงกลั่นแกล้งจากผู้ไม่หวังดี แล้วแบรนด์จะปกป้องตัวเองอย่างไรให้ยังดูน่าเชื่อถือ ไม่โต้กลับด้วยอารมณ์ แต่ยืนอยู่บนพื้นฐานของ “ความจริง”? เมื่อเสียงของลูกค้า กลายเป็นภัยกับแบรนด์ หลายกรณีที่ผู้บริโภคโพสต์รีวิวแรง ๆ เช่น หากปล่อยให้คำพูดเหล่านี้ลอยอยู่ในออนไลน์โดยไม่มีการโต้แย้งที่มีหลักฐานรองรับ ชื่อเสียงของแบรนด์อาจได้รับความเสียหาย แม้จะเป็นการร้องเรียนที่ไม่ตรงกับความจริงก็ตาม โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์สกินแคร์ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับสุขภาพผิวโดยตรง ความรู้สึก “ไม่มั่นใจ” ของผู้บริโภคเพียงเล็กน้อย อาจส่งผลให้ยอดขายตกลงอย่างรวดเร็ว และเสียลูกค้าประจำไปในระยะยาว ร้องเรียนเท็จ หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์? เราต้องยอมรับว่าผู้บริโภคบางรายอาจแพ้จากปัจจัยอื่น เช่น แต่สุดท้าย “แบรนด์ของคุณ” กลายเป็นผู้รับผลกระทบ เพราะอยู่บนฉลาก และอยู่ในชื่อรีวิว แบรนด์ไม่ควรตอบโต้ด้วยความรู้สึก — แต่ด้วยหลักฐาน วิธีเดียวที่ทำให้แบรนด์ยืนหยัดและปกป้องตนเองได้อย่าง มืออาชีพ คือ “การมีผลตรวจจากแล็บกลาง (Third-Party Lab)” ที่น่าเชื่อถือ และไม่เกี่ยวข้องกับโรงงานผู้ผลิต ผลตรวจเหล่านี้สามารถใช้ได้ทั้งใน… การมีผลตรวจ ไม่ใช่เพื่อแก้ตัว แต่เพื่อ “แสดงความโปร่งใส” ผลวิเคราะห์จากแล็บกลางสามารถตรวจสอบได้ว่า: […]

ลูกค้าแพ้หรือระคายเคืองจากวัตถุดิบที่มีสารปนเปื้อน อันตรายที่แบรนด์มองข้ามไม่ได้
“ผื่นขึ้นไม่หยุด แสบหน้า แพ้หนักจนเสียความมั่นใจ”เสียงสะท้อนจากผู้บริโภคที่เจอกับการระคายเคืองหลังใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ แม้จะเลือกแบรนด์ที่ขึ้นชื่อว่า “อ่อนโยน” แล้วก็ตาม แต่รู้หรือไม่ว่า…ต้นตอของปัญหาเหล่านี้ อาจไม่ใช่แค่เรื่องของ “สูตร” หรือ “สารที่ใช้”แต่คือ วัตถุดิบที่มีสารปนเปื้อน — สิ่งเล็ก ๆ ที่ส่งผลใหญ่หลวงต่อความไว้วางใจในแบรนด์ของคุณ วัตถุดิบมีสารปนเปื้อน คืออะไร? วัตถุดิบที่ใช้ในเครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวทุกชนิด แม้จะผ่านการคัดสรรจากซัพพลายเออร์ ก็ยังมีโอกาสเจอ “สารปนเปื้อน” ได้ เช่น ลูกค้าแพ้จากสารปนเปื้อนมีลักษณะอย่างไร? อาการแพ้หรือระคายเคืองจากสารปนเปื้อน อาจไม่ได้เกิดขึ้นในทันที แต่อาจค่อย ๆ แสดงผลแบบ “สะสม” โดยพบอาการต่าง ๆ เช่น ปัญหาเหล่านี้ไม่เพียงกระทบต่อผู้บริโภค แต่ยังอาจลุกลามเป็นดราม่าบนโซเชียล เสียชื่อเสียงแบรนด์ และเสี่ยงต่อการถูกร้องเรียนจากหน่วยงานรัฐ การทดสอบวัตถุดิบไม่ใช่เรื่องของ “ใครก็ได้” หลายแบรนด์ยังคงพึ่งพาการตรวจสอบจากแล็บของโรงงานผู้ผลิตเพียงฝ่ายเดียว แต่รู้หรือไม่ว่า…แล็บของโรงงานมีหน้าที่ควบคุมกระบวนการ ไม่ได้ออกผลตรวจเพื่อใช้ในทางกฎหมาย ดังนั้น หากเกิดกรณีลูกค้าฟ้องร้อง หรือหน่วยงานรัฐตรวจสอบ แบรนด์จะไม่มี “หลักฐานกลาง” ที่แสดงความโปร่งใส และอาจเสียเปรียบในทางคดี ทางออกของแบรนด์ยุคใหม่: ตรวจสารปนเปื้อนกับแล็บกลางที่ไม่มีผลประโยชน์ร่วม เพื่อสร้างความมั่นใจ และปกป้องแบรนด์ของคุณจากปัญหาที่คาดไม่ถึงการตรวจวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปกับ […]

อย่าเชื่อแค่คำพูดของโรงงาน
เพราะ “ความไว้ใจของลูกค้า” ต้องพิสูจน์ได้ด้วยหลักฐาน เจ้าของแบรนด์หลายคนมีความตั้งใจดีในการเลือกสูตรผลิตภัณฑ์ ใส่ใจทุกดีเทลเพื่อให้สินค้ามีคุณภาพแต่คำถามสำคัญคือ…เมื่อสินค้าถูกส่งไปผลิตที่โรงงาน คุณแน่ใจแค่ไหนว่าสิ่งที่ออกมาจริงๆ เหมือนที่คุณตกลงไว้ทุกอย่าง? ทำไมการฝากความเชื่อไว้กับโรงงานฝ่ายเดียว อาจเสี่ยงเกินไป การทำแบรนด์ในยุคนี้ไม่ใช่แค่ “การตั้งชื่อและหาบรรจุภัณฑ์”แต่คือการรับผิดชอบต่อสิ่งที่ส่งถึงมือผู้บริโภคโดยเฉพาะแบรนด์สกินแคร์ที่เกี่ยวข้องกับผิวหนัง ใบหน้า และสุขภาพโดยตรง หลายกรณีที่เกิดขึ้นในวงการผลิตคือ: เมื่อเกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้น สิ่งที่เสียหายมากกว่าคือลูกค้าที่สูญเสียความเชื่อใจและอาจลุกลามไปถึงการถูกร้องเรียน แจ้ง อย. หรือแม้แต่การดำเนินคดีทางกฎหมาย “โรงงานผลิต” คือผู้ให้บริการ แต่ “แบรนด์” คือผู้รับผิดชอบต่อผู้บริโภค ในเอกสาร อย. หรือบนฉลากผลิตภัณฑ์ชื่อของคุณคือ “ผู้รับอนุญาต”หมายความว่า ไม่ว่าปัญหาจะเกิดจากกระบวนการของโรงงานหรือไม่ คุณคือคนที่ต้องรับผิดชอบในสายตากฎหมาย นี่จึงเป็นเหตุผลที่ คุณไม่ควรฝากความเชื่อทั้งหมดไว้กับโรงงานแต่ควรมี “หลักฐานกลาง” ที่ยืนยันได้ว่าสินค้าของคุณผลิตอย่างโปร่งใส แล้วจะพิสูจน์ความโปร่งใสได้อย่างไร? หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดคือการ ส่งผลิตภัณฑ์ตรวจสอบกับห้องแล็บอิสระ (Third-Party Lab)แล็บเหล่านี้ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ ร่วมกับโรงงานไม่ถูกครอบงำด้วยความสัมพันธ์ทางธุรกิจสามารถให้ผลตรวจที่เป็นกลาง ตรวจสอบได้ และนำไปใช้เป็นหลักฐานได้จริง สิ่งที่คุณจะได้จากการตรวจสอบ เช่น: Brand Shield – ตัวกลางที่เชื่อถือได้ของเจ้าของแบรนด์ เราเข้าใจว่าเจ้าของแบรนด์ไม่ได้ถนัดเรื่องการติดต่อแล็บการจัดการเอกสาร หรือการแปลผลทางวิทยาศาสตร์ Brand Shield จึงทำหน้าที่เป็น ตัวกลางมืออาชีพในการส่งผลิตภัณฑ์ของคุณไปยัง Lab […]

พฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัล
พฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัล แบรนด์ที่อยากอยู่รอด ต้องเปลี่ยนจาก “ขาย” → เป็น “โปร่งใส” ในอดีตผู้บริโภคเลือกซื้อจาก “ความน่าเชื่อถือที่แบรนด์เล่าให้ฟัง”แต่วันนี้ผู้บริโภคเลือกจาก สิ่งที่เขา “ค้นเจอเอง” และ “พูดต่อเอง” ยุคดิจิทัลได้เปลี่ยนผู้บริโภคให้กลายเป็นนักสืบ และบางครั้งก็เป็น “ผู้พิพากษา”แบรนด์ที่ไม่พร้อมเปิดเผยความจริง อาจไม่เหลือที่ยืนในใจลูกค้าอีกต่อไป พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคยุคนี้ แล้วแบรนด์ควรทำอย่างไร? แค่สินค้าดี…ไม่พออีกต่อไปแบรนด์ต้อง “โปร่งใส” และ “ตรวจสอบได้” เพราะความไว้วางใจในยุคนี้ ไม่ได้เกิดจากการพูดเพราะแต่เกิดจาก การกล้ายืนยันในสิ่งที่พูด ด้วยหลักฐานที่เป็นกลาง Brand Shield: เกราะป้องกันแบรนด์ของคุณ Brand Shield ให้บริการตรวจสอบสูตรผลิตภัณฑ์จากแล็บต่างประเทศเพื่อให้คุณมั่นใจว่า… ยุคนี้ไม่ใช่ยุคของแบรนด์ที่ “พูดเก่ง” แต่คือยุคของแบรนด์ที่ “โปร่งใส และพิสูจน์ได้” ความน่าเชื่อถือ ไม่ได้เกิดจากคำพูด แต่เกิดจาก การกล้ายืนยันในสิ่งที่คุณพูด…ด้วยหลักฐานที่ตรวจสอบได้จริง